วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แนวพระราชดำริด้านการศึกษา ในหลวงรัชกาลที่ ๙ (๑) : ความสำคัญและวัตถุประสงค์ของการศึกษา

ผมมีความเห็นเป็น "สมมติฐาน" ว่า การปฏิรูปการศึกษาของไทยไม่ประสบผลสำเร็จเหมือนกับประเทศที่เรามองเขาเป็นต้นแบบ เป็นเพราะเราไม่ปรับให้เข้ากับบริบทของเราเอง... แม้ตอนนี้ทุกคนจะรู้ว่าใช่แบบไม่ต้องพิสูจน์ แต่คำถามคือ อะไรคือบริบทของไทยเราที่ไม่ได้เอามาพิจารณา จึงได้เริ่มศึกษาจากแนวพระราชดำริของกษัตริย์ไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน (บันทึกแรกที่นี่)


เนื่องจากเป็นแนวพระราชดำริ จึงไม่ขออ่านเอาความหรือตีความ แต่อ่านแล้วคัดประโยคสำคัญมารวมกันไว้เฉพาะด้านการศึกษา เริ่มจากรัชกาลที่ ๙ ในหลวงของเรา

 ผม "ตัด" แล้ว "วาง" ไม่ได้ "ตัดต่อ" และไม่ได้ "คิดต่อ" หรือ "เขียนเติม" แต่อย่างใด อีกทั้งยังระวังไม่ให้ผิดความหมายเดิมของพระราชดำริอย่างที่สุด เพื่อให้ท่านมั่นใจในการน้อมนำไปปฏิบัติครับ

ความสำคัญของการศึกษา
  • ...เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างคนและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ และคุณธรรมของบุคคล...
  • งานด้านการศึกษาเป็นงานที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาติ...
  • ...การศึกษาจึงเป็นกลไกสำคัญและเป็นกลไกที่ต้องมีไว้สำหรับส่วนรวม...
  • ...การศึกษาเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของชีวิต เพราะเป็นรากฐานสำหรับช่วยให้บุคคลสามารถก้าวไปถึงความสำเร็จ ความสุข ความเจริญทั้งปวง ทั้งของตนเองและของส่วนรวม...
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
  • ...คือการทำให้บุคคลมีปัจจัยหรือมีอุปกรณ์สำหรับชีวิตอย่างครบถ้วนเพียงพอ ทั้งในส่วนความรู้ ความคิดวินิจฉัย ส่วนจิตใจและคุณธรรมความประพฤติ ส่วนความขยันอดทนและความสามารถในอันที่จะนำความรู้ความคิดไปใช้ในการปฏิบัติงานด้วยตนเองให้ได้จริงๆ เพื่อความสามรถในการดำรงชีพอยู่ได้ด้วยความสุขความเจริญมั่นคง และสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองและสังคมได้ตามสมควรแก่ฐานะด้วย
  • ...เมื่อสามารถทำกิจวัตรของตัวได้แล้ว....ต้องสอนให้รู้จักทำงานต่างๆ ให้รู้จักแสวงหาสิ่งต่างๆ ตามต้องการให้มากขึ้น เพื่อทำให้ชีวิตมีความสะดวกมีความสบาย...อ่านหนังสือได้ เขียนหนังสือได้... มีความสามารถที่จะแสวงหาสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตัวมากขึ้น...สอนให้รู้จักเรียนรู้วิทยาการที่ก้าวหน้าขึ้น
  • ...ขั้นต่อไปเป็นเรื่องของวิชาการ หมายถึงว่า...ต้องมีวิชาความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงชีพของตัว..
  • ...พร้อมทั้งการฝึกฝนให้รู้จักใช้เหตุผลสติปัญญา และหาหลักการของชีวิต เพื่อให้สร้างสรรค์ความเจริญทั้งทางกายแลทางความคิด อันนี้เป็นขั้นสุดท้ายหรือขั้นสูงสุดของการศึกษา...ต้องมีความรู้ในทางการใช้ความคิดใช้ปัญญาใช้พิจารณาอย่างรอบคอบด้วย..แม้ดูคล้ายๆ เป็นความรู้ที่ใช่สำหรับมาประกอบอาชีพแท้ๆ แต่ทุกคนต้องการที่จะใช้สมองที่จะหาความเจริญในทางจิตใจ เพื่อที่จะทำอะไรๆ ที่เป็นที่พอใจ เป็นที่อิ่มใจได้...
  • ...กล่าวโดยวัตถุประสงค์ที่แท้จริง คือการสร้างสรรค์ความรู้ความคิดพร้อมทั้งคุณสมบัติและจิตใจที่สมบูรณ์ ให้เกิดขึ้นในตัวบุคคล เพื่อช่วยให้เขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคมอย่างราบรื่น ทั้งสามารถบำเพ็ญประโยชน์สุขเพื่อตน เพื่อส่วนรวมได้ตามควรแก่อัตภาพ...
  • ...การศึกษานี้มีไว้สำหรับสร้างคนที่มีอายุน้อย ก็ต้องเรียนและสร้างตนเองขึ้นให้เป็นผู้ใหญ่ จริงๆ เป็นผู้ใหญ่นี้หมายความว่า มีความรู้ในวิชาการและมีความรู้ในการวางตัวให้เหมาะสมแก่กาลเทศะ คนที่มีความรู้วิทยาการมากและมีความรู้ศีลธรรมความประพฤติ วางตัวได้ดี ก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่ได้เร็ว...
ความหมายของการศึกษา

  •  ...การให้การศึกษา คือการแนะนำและส่งเสริมบุคคลให้มีความเจริญงอกงามในการเรียนรู้คิดอ่าน และการกระทำตามอัตภาพของแต่ละคน...
  • ...ความรู้ที่สะสมเอาไว้ในตัวเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นเสมือนประทีปสำหรับนำทางเราไปในการปฏิบัติตนในชีวิต...เป็นเครื่องนำทางไปสู่ความเจริญ...เท่ากับเป็นสิ่งที่จะเลี้ยงตัวเลี้ยงกายเรา  ความรู้ในทางการประพฤติที่ดี จิตใจที่เข้มแข็ง...มีความซื่อสัตย์สุจริต...มีความขยันหมั่นเพียร..มีความตั้งใจที่แน่วแน่นั้น ไม่มีทางที่จะล่มจม...เพราะจะเห็นแจ้งที่ควรทำ ไม่ถลำไปในทางที่ไม่ถูกต้อง อันนี้ก็เป็นความหมายของการศึกษา...
  • ...การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติและคุณธรรมของบุคคล...
การเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา
  • ...วิชานั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นลำดับ ตามภาวะและความจำเป็นของโลก ก็ต้องแตกสาขากว้างขวางมากมายเป็นธรรมดา จนบางทีทำให้แลไม่เห็นว่า สาขาวิชาต่างๆ มาจากต้นตออันเดียวกัน และลืมไปว่าวิชาแต่ละสาขานั้น มีความสัมพันธ์สอดคล้องกันอยู่ เมื่อเป็นดังนี้ ที่สุดวิชาก็ต้องขาดจากกัน คนที่เรียนและใช้วิชานั้นๆ ก็ไม่สัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน ไม่ปรองดองกัน ยังผลให้การงานติดขัดบกพร่องและเสียประโยชน์ที่พึงได้ด้วยประการต่างๆ ดังนั้นผู้ฉลาดจึงควรต้องศึกษาให้เห็นจริง และให้เข้าใจแจ่มแจ้งว่าวิชาทั้งหลายเกี่ยวโยงถึงกัน เป็นส่วนประกอบของกันและกัน เป็นปัจจัยเกื้อหนุนกันอย่าสงแน่นแฟ้น แล้วดึงเอาวิชาการบุคคล กับทั้งกิจการที่เกี่ยวข้องมารวมกัน เพื่อผลและประโยชน์อันเลิศร่วมกันของเรา...
  • ...การศึกษาวิทยาการทุกอย่าง ยิ่งศึกษาค้นคว้ามากขึ้นเท่าใด ก็ยั่งจำเป็นต้องกระทำให้ละเอียดเฉพาะลงไปเท่านั้น และผู้ที่ได้ผ่านการศึกษาระดับนี้มาแล้ว ย่อมจะถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะวิชา จะไม่ก้าวก่ายกับวิชาที่ไม่ได้อยู่ในขอบข่ายของตน แต่ในการใช้วิชา ในการปฏิบัติงานนั้น แม้เพียงงานเล็กน้อยอย่างหนึ่งอย่างใดแต่เพียงอย่างเดียว ก็จำเป็นต้องอาศัยหลักวิชาหลายๆ สาขานำมาเป็นเครื่องช่วยปฏิบัติ จึงจะสำเร็จผลที่ดีได้...
ความรู้ที่พึงประสงค์
  • ...วิชาความรู้อันพึงประสงค์นั้น ได้แก่ วิชาและความรู้ที่ถูกต้อง ชัดเจน แม่ยำ ชำนาญ นำไปใช้ในการเป็นประโยชน์ได้พอเหมาะสมควร ทันต่อเหตุการณ์ อย่างมีประสิทธิภาพ..
  • ...เมื่อพิเคราะห์ดูแล้ว การเรียนความรู้ แม้มากมายเพียงใด บางที ก็ไม่ช่วยให้ฉลาดหรือเจริญได้เท่าไรนัก ถ้าหากเรียนไม่ถูกถ้วน ไม่รู้จริงแท้ การศึกษาหาความรู้สำคัญตรงที่ว่า ต้องศึกษาเพื่อให้เกิด "ความฉลาดรู้" คือรู้แล้ว สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงๆ โดยไม่เป็นพิษเป็นโทษ...
  • ...ผลอันพึงประสงค์ของการศึกษา กล่าวสั้นแต่โดยเนื้อแท้มีสองสถาน สถานหนึ่งคือความรู้แจ้งจริงในวิทยาการ...อีกสถานหนึ่งได้แก่ ความคิด จิตใจ ที่ฝึกฝนกล่อมเกลาแล้วอย่างถูกต้องให้คล่องแคล่วและสุจริตยุติธรรม...
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
การอ่านจับคำของผมคราวนี้ ทำให้ผม เข้าใจชัดเจนว่า ระบบ "เกรดนิยม" ที่เป็นอยู่ของการศึกษาไทยนี้ น่าจะมีสาเหตุมาจากไม่ฟังและน้อมนำพระราชดำริของในหลวงมาใช้อย่างจริงจังนั่นเอง... 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น