การสนทนาเป็นไปอย่างสนุกได้เรื่องประเทืองปัญญา จุดเด่นคือคนไม่เยอะ จึงได้อภิปรายเสนความคิดเห็นอย่างเต็มที่ และมี feedback จากทุกประเด็น เห็นข้อสรุปที่ชัดเจนว่า การขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ในมหาวิทยาลัย ทำอย่างไร เน้นจุดไหน ที่ทำมาได้ผลอย่างไร ฯลฯ
การพูดคุย ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งใดๆ ที่มักเริ่มจากจุดมุ่งหมายและปัญหาที่มักกำหนดมาด้วยตนเองหรือกระบวนกรกำหนด ไว้ แต่การสนทนาเริ่มตั้งแต่ร่วมกันหาว่าอะไรที่เราอยากคุย อยากคุยแบบไหน กระบวนการควรเป็นอย่างไร จะเปลี่ยนแปลงจาก "ตุ๊กตา" ที่ท่านวางไว้หรือไม่ ควรจะใช้เวลาเท่าไหร่ พร้อมๆ กับการแลกเปลี่ยนกันไปมา
สิ่ง ที่ผมได้เรียนรู้มากๆ คือวิธีการตั้งคำถาม เป็นการถามที่ไม่ได้มุ่งให้ได้คำตอบ เช่น ไม่ใช่ถามว่า จะทำให้เข้าใจ ปศพพ. อย่างถูกต้องอย่างไร? หรือ อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดของการทำให้ผู้เรียนเข้าใจ ปศพพ. อย่างถูกต้อง? แต่ตั้งคำถามว่า จะตั้งคำถามอย่างไรให้นำไปสู่ความเข้าใจวิธีการทำให้ผู้เรียนเข้าใจได้อย่าง ถูกต้อง?
กลไกที่ท่านใช้คือ บูรณาการทั้งเนื้อหาและทักษะเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ลงในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเสริมหลักสูตรของคณะขนาด ๑ หน่วยกิตวิชาหนึ่ง เป็นวิชาเรียนทั้งภาคเรียน ไม่มีห้องเรียนประจำ อาจารย์ผู้สอนจะทำความเข้าใจร่วมกันถึงจุดมุ่งหมายและขั้นตอนวิธีการสอน และทำหน้าที่เป็นเหมือน "ผู้ตั้งปัญหา" (ยิงคำถาม) มากกว่าจะเป็น "ที่ปรึกษา" เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้
วิธีการคือ แบ่งนักศึกษาเป็นกลุ่มๆ ละ ๕-๖ คน แล้วมอบหมายให้เข้าไปศึกษาเรียนรู้ในโรงเรียน ด้วยโจทย์ประมาณว่า จะทำอย่างไรก็ได้ให้นักเรียนเข้าใจปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถูกต้อง ผ่านการพานักเรียนลงมือทำ ใช้การเรียนรู้แบบโครงงานหรือกิจกรรมจิตอาสา ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านการลงมือทำ แล้วกลับมานำเสนอเป็นระยะๆ ตั้งแต่ นำเสนอ "ข้อเสนอโครงงาน" -> นำเสนอหรือสาธิตกิจกรรมที่จะนำไปสอนนักเรียน ->นำเสนอรายงานความก้าวหน้า ->นำเสนอผลการเรียนรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม โดยมีอาจารย์และตัวแทนครูที่อยู่โรงเรียนช่วยกัน "ตั้งคำถาม" และสะท้อนการเรียนรู้ของผู้เรียน
โดยสรุปคือ การใช้กิจกรรมหรือโครงงาน เป็นเครื่องมือ (หรือท่านใช้คำว่าตัวกลาง) ทำให้นักศึกษาเข้าใจ ปศพพ.
หลักคิดที่ตกผลึกแล้วจากการปฏิบัติและเห็นผลชัดแล้ว ของ รศ.ไพโรจน์ คือ การสร้างความเข้าใจและเข้าถึงความ "พอเพียง" จากการฝึกใช้เหตุและผล ท่านบอกว่าต้องเริ่มที่การฝึกคิดวิเคราะห์เหตุและผล พิจารณาจากสไลด์ของท่านด้านล่างครับ
ผมเรียนรู้จากท่านผ่านสไลด์นี้ดังนี้ครับ
- เราทุกคนอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางวัตถุ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ทักษะการใช้เหตุผลจะทำให้เราทุกคนสามารถเข้าถึง "ความพอประมาณ" อันเป็นฐานสำคัญที่จะทำให้เกิดความสมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ
- เหตุผลคือสิ่งกำกับสำคัญ ที่ต้องฝึกคิดให้เป็นนิสัย ไม่ว่าจะพิจารณาถึง "ความพอประมาณ" หรือ "ภูมิคุ้มกัน" คือเอาเหตุผลกำกับ
- เมื่อสิ่งใดๆ เข้ามาสู่ตน ให้คิดวิเคราะห์เหตุผลบนฐานของความรู้และคุณธรรม วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ ความเสี่ยง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ก่อนจะตัดสินใจทำหรือพูด
- หากตัดสินใจถูกต้อง ผลจากการพูดและกระทำจะนำมาสู่ภูมิคุ้มกันที่ดี ในทางปฏิบัติอาจมีหลายทางเลือกที่เป็นไปได้ในการตัดสินใจ ให้เลือกทางเลือกที่จะทำให้เกิดผลที่กลายมาเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีในตน
- ต้องฝึกให้มีวิถีคิดแบบเหตุผลนี้ และมีการตรวจสอบ ประเมินตนอยู่เสมอ
- หากทำจนเกิดเป็นนิสิต จะนำมาสู่ความสุขและความยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น