วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559

"ธุรกิจพอเพียง" เศรษฐกิจพอเพียงภาคปฏิบัติ เครื่องมือในการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ โดย อ.พีรวัศ กี่ศิริ

การเดินทางไปเรียนรู้ดูงานกับ รศ.ไพโรจน์ คีรีรัตน์ ในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙ (อ่านที่นี่) ไม่ใช่ความจำเป็นยิ่งยวด เพราะผมได้เรียนรู้จากท่านมาหลายครั้งหลายเวที เขียนสะท้อนการเรียนรู้ไว้บ้างแล้วก็มี (เช่น ที่นี่)  แต่ที่จำเป็นต้องไปให้ได้ แม้ว่าจะใช้งบประมาณของราชการไม่น้อย เพราะ อ.พีรวัศ ท่านบอกไว้ตั้งแต่ตอนท่านมาช่วยพัฒนาอาจารย์ผู้สอนรายวิชา ปศพพ. ของ มมส. ในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ และต่อมาในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ท่านช่วยเชิญเพื่อนสนิท (อ.ทนง ขันทอง) บรรณาธิการอาวุโสในเครือเนชั่น มาบรรยายพิเศษให้อาจารย์และนิสิตฟัง (อ่านได้ที่นี่) ความมุ่งมั่น เสียสละ และจิตอาสา ทำให้เห็นต้องมาเจอ มาเป็นส่วนหนึ่งของ "นักรบพอเพียง" ให้ได้ ... ขอบคุณท่านอีกครั้งครับ

"นักรบพอเพียง" คือคำจำเพาะที่ อ.พีรวัศ กี่ศิริ ท่านใช้เรียกคนที่กำลังอุทิตนเพื่อขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ปศพพ.) โดยเฉพาะหมายถึงตัวท่านเองที่กำลังผลักดันเรื่องนี้สู่การศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศ (ติดตามงานของท่านได้ทางเฟสที่นี่) ... ผมตีความว่า ที่ท่านใช้คำว่า "นักรบ" เพราะต้องการสื่อว่า ขณะนี้เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติ แต่อยู่ในภาวะสงคราม สงครามระหว่างทุนนิยมเสรีแบบสุดโต่งกับเศรษฐกิจพอเพียง ธรรมะนิยมที่เน้นความสมดุลและยั่งยืนสงครามการล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจเพื่อยึดครองทรัพยากร  ... หากอยากรู้สถานการณ์ ให้อ่านบันทึกต่างๆ เกี่ยวกับ อ.ทนง ขันทอง เพื่อนสนิทของท่านได้ ที่นี่ครับ

ยุทธการของ อ.พีรวัศ คล้ายกับวิธีการของ อ. ไพโรจน์ที่มุ่งเป้าไปยังโรงเรียน ต่างกันตรงที่ อ.ไพรโจน์ ใช้โครงงานและกิจกรรมเป็นเครื่องมือหรือตัวกลาง ส่วน อ.พีรวัศ มุ่งใช้การทำ "ธรุกิจพอเพียง" ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการผลิต->การแปรรูป->การค้าขาย เรียนจากชีวิตจริง "ของจริง" การแก้ปัญหาจริงๆ ค้าขายจริงๆ ซึ่งหากมองในมุมของการศึกษานั้น เรายอมรับกันอยู่แล้วว่า การกำหนดสถานการณ์หรือปัญหาใดๆ ไม่ว่าจะในหรือนอกโรงเรียน ไม่มีทางทำให้เกิดผลการเรียนรู้กับผู้เรียนได้เหมือน "ของจริง" โดยเฉพาะความฉลาดหรือทักษะทางการเงิน ซึ่งเป็นจุดอ่อนของคนไทยที่ไม่มีสอนในโรงโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ยกเว้นเพียงคณะผลิตปริญญาโดยตรงเท่านั้น

ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนของ อ.พีรวัศ แสดงดังภาพด้านล่าง (ท่านส่งฉบับอัพเดทมาให้สดๆ ร้อน วันนี้เองครับ)


ท่านยื่นแผ่นความคิดรวบยอดนี้ให้ผู้เข้าร่วมประชุมพร้อมกับถามว่า "ช่วยดูหน่อย ควรปรับแก้ตรงไหน?"  ผมตอบท่านไปเพราะนั่งใกล้ติดกันว่า มิบังอาจขนาดนั้นครับ แต่หากถามว่าดูแล้วเข้าใจอย่างไร?  อันนี้น่าจะพอเสนอความเห็นได้ดังนี้ครับ

มีประเด็นสำคัญ ๔ เรื่อง ได้แก่ ๑) ปัญหาและที่มา ๒) นิยามและความเข้าใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๓) ธุรกิจพอเพียง และ ๔) เศรษฐกิจพอเพียงสู่โลกสากล


  • "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม"  พระปฐมบรมราโชวาท (เมื่อวันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓) คือจุดเริ่มต้นของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 
  • เพราะปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาจากการทรงงาน ไม่มีในตำรา
  • คำว่า "...โดยธรรม..." หมายถึงธรรมะ ดังนั้น ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจึงสัมพันธ์กับทั้งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 
  • ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ รากฐานของระบอบธรรมาธิปไตย 
  • ทรงตรวจแก้ไขและพระราชทานเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๒
  • เราอัญเชิญมาพัฒนาประเทศ โดยใช้เป็นหลักคิดในการทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่ฉบับที่ ๙ เป็นต้นมา 
  • ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ใช้ชาติอยู่รอดได้คือ ความสามัคคี  

  • ประเด็นที่ ๒ เป็นความคิดรวบยอดเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 
  • ธุรกิจพอเพียง คือการประยุกต์ใช้หรือน้อมนำมาใช้ด้วยทักษะแห่งการรู้ตัว คือ มี "สติ" 
  • มีเหตุผลในการตัดสินใจ 
  • พอประมาณ คือ ต้องไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น 
  • ประเทศไทยต้องมีภูมิคุ้มกันจากการล่าอาณานิคมสมัยใหม่  ... ไม่ให้เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งอีก


  • ธุรกิจพอเพียง จะปลูกฝังให้เกิดผู้ประกอบการใหม่ในอนาคต (Entrepreneur) ... (ไม่ใช่เรียนไปเป็นลูกจ้าง)
  • ผู้เรียนจะได้ฝึกมองหาโอกาสในการทำการค้า กล้าเผชิญความเสี่ยงอย่างฉลาด ลงมือทำอย่างเส้นคงวา และมีความสามารถในการบริการจัดการจนเป็น "ธุรกิจ" 
  • การทำธุรกิจพอเพียง ไม่ได้หวังผลกำไรมากที่สุด แต่ให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้เพื่อสร้างทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ ในตัวผู้เรียน โดยเฉพาะทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้เครื่องมือการจัดการความรู้ที่ทันสมัย (KM 3.0) ซึ่งเน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันผ่าน ICT และการรวมกลุ่มและสร้างชุมชนนักปฏิบัติ (PLC)

  • ธรรมะเป็นสิ่งสากล ธรรมะคือธรรมชาติ ธรรมะคือกฎของธรรมชาติ ธรรมะคือหนัาที่ที่ต้องปฏิบัติ ธรรมะคือผลที่ได้จากการปฏิบัติ (๔ ความหมาย) ... นี่เป็นการตีความของท่านพุทธทาสภิกขุ (อ่านได้ที่นี่) ... ผมเข้าใจว่า ท่านจะเน้นว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้นตั้งอยู่บนทางสายกลาง อันเป็นคำสอนของพระพุทธศาสนา และขณะนี้ธรรมะ ศาสตร์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น กำลังได้รับการเผยแพร่สู่สากล
  • พระไตรปิฎกฉบับสากล (ภาษาโรมัน) ได้รับการเผยแพร่อย่างเป็นทางการไปทั่วโลก (อ่านที่นี่
  • ทั่วโลกกำลังตื่นตัวเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามมติที่ประชุมของสหประชาชาติที่ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals (SDGs)) ๑๗ ประการ อ่านได้ที่นี่  หรือที่นี่

ที่มา : http://www.tsdf.or.th/th/seminar-event/10268/sustainable-development-goals-sdgs


ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน ปศพพ. ด้วย "ธุรกิจพอเพียง" ของ อ.พีรวัศ ชี้บอกวิธีการนำเอาวิธีการปลูกฝัง ปศพพ. ๕ ขั้นตอน (อ่านได้ที่นี่) ที่ผมได้เรียนรู้จากการ(แอบฟัง) องคมนตรี นพ.เกษม คุยกับนักเรียนทุนพอเพียงก่อนงานมอบทุนฯ รุ่นที่ ๕ ไปใช้ในเชิงกว้างและเป็นสากลมากขึ้น และโดยเฉพาะท่านกำลังทำให้ดูอยู่เป็นตัวอย่าง... การเดินทางของนิสิตแกนนำฯ ที่ มมส. จึงพอจะเห็นลู่ทางแล้ว...

เสียดายที่ผม ไม่มีโอกาสได้ติดตามไปฟังบรรยายของ อ.พีรวัศ เรื่อง "ธุรกิจพอเพียง" ในวันถัดมา (๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙) หากมีคลิปวีดีโอหรือเอกสารที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ต่อไป โปรดช่วยแนะให้จะขอบพระคุณมากครับ

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559

เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจอเพียงจาก รศ.ไพโรจน์ กีรีรัตน์ มอ.หาดใหญ่ สงขลา "ขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในมหาวิทยาลัย"

วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ผมเดินทางไกลไปเรียนจากผู้รู้ ท่านประจำอยู่ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ. วิทยาเขตหาดใหญ่ รองศาสตราจารย์ไพโรจน์ คีรีรัตน์ ท่านเป็น "อาจารย์ผู้พัฒนาครู" และคิดว่าท่านจะเป็น "ครูผู้สอนอาจารย์" ในด้านการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ปศพพ.) ด้านการศึกษาในมหาวิทยาลัย  ... (ผมเคยเขียนสะท้อนการเรียนรู้จากท่านแล้วครั้งหนึ่ง อ่านได้ที่นี่)

การสนทนาเป็นไปอย่างสนุกได้เรื่องประเทืองปัญญา จุดเด่นคือคนไม่เยอะ จึงได้อภิปรายเสนความคิดเห็นอย่างเต็มที่ และมี feedback จากทุกประเด็น เห็นข้อสรุปที่ชัดเจนว่า การขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ในมหาวิทยาลัย ทำอย่างไร เน้นจุดไหน ที่ทำมาได้ผลอย่างไร ฯลฯ

การพูดคุย ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งใดๆ ที่มักเริ่มจากจุดมุ่งหมายและปัญหาที่มักกำหนดมาด้วยตนเองหรือกระบวนกรกำหนด ไว้  แต่การสนทนาเริ่มตั้งแต่ร่วมกันหาว่าอะไรที่เราอยากคุย อยากคุยแบบไหน กระบวนการควรเป็นอย่างไร จะเปลี่ยนแปลงจาก "ตุ๊กตา" ที่ท่านวางไว้หรือไม่ ควรจะใช้เวลาเท่าไหร่ พร้อมๆ กับการแลกเปลี่ยนกันไปมา

สิ่ง ที่ผมได้เรียนรู้มากๆ คือวิธีการตั้งคำถาม  เป็นการถามที่ไม่ได้มุ่งให้ได้คำตอบ เช่น ไม่ใช่ถามว่า จะทำให้เข้าใจ ปศพพ. อย่างถูกต้องอย่างไร?  หรือ อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดของการทำให้ผู้เรียนเข้าใจ ปศพพ. อย่างถูกต้อง?  แต่ตั้งคำถามว่า จะตั้งคำถามอย่างไรให้นำไปสู่ความเข้าใจวิธีการทำให้ผู้เรียนเข้าใจได้อย่าง ถูกต้อง? 








กลไกที่ท่านใช้คือ  บูรณาการทั้งเนื้อหาและทักษะเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ลงในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเสริมหลักสูตรของคณะขนาด ๑ หน่วยกิตวิชาหนึ่ง  เป็นวิชาเรียนทั้งภาคเรียน ไม่มีห้องเรียนประจำ  อาจารย์ผู้สอนจะทำความเข้าใจร่วมกันถึงจุดมุ่งหมายและขั้นตอนวิธีการสอน และทำหน้าที่เป็นเหมือน "ผู้ตั้งปัญหา" (ยิงคำถาม)  มากกว่าจะเป็น "ที่ปรึกษา" เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้



วิธีการคือ แบ่งนักศึกษาเป็นกลุ่มๆ ละ ๕-๖ คน แล้วมอบหมายให้เข้าไปศึกษาเรียนรู้ในโรงเรียน ด้วยโจทย์ประมาณว่า จะทำอย่างไรก็ได้ให้นักเรียนเข้าใจปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถูกต้อง ผ่านการพานักเรียนลงมือทำ  ใช้การเรียนรู้แบบโครงงานหรือกิจกรรมจิตอาสา ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านการลงมือทำ แล้วกลับมานำเสนอเป็นระยะๆ  ตั้งแต่ นำเสนอ "ข้อเสนอโครงงาน" -> นำเสนอหรือสาธิตกิจกรรมที่จะนำไปสอนนักเรียน ->นำเสนอรายงานความก้าวหน้า ->นำเสนอผลการเรียนรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม  โดยมีอาจารย์และตัวแทนครูที่อยู่โรงเรียนช่วยกัน "ตั้งคำถาม" และสะท้อนการเรียนรู้ของผู้เรียน

โดยสรุปคือ การใช้กิจกรรมหรือโครงงาน เป็นเครื่องมือ (หรือท่านใช้คำว่าตัวกลาง) ทำให้นักศึกษาเข้าใจ ปศพพ.

หลักคิดที่ตกผลึกแล้วจากการปฏิบัติและเห็นผลชัดแล้ว ของ รศ.ไพโรจน์ คือ การสร้างความเข้าใจและเข้าถึงความ "พอเพียง" จากการฝึกใช้เหตุและผล ท่านบอกว่าต้องเริ่มที่การฝึกคิดวิเคราะห์เหตุและผล พิจารณาจากสไลด์ของท่านด้านล่างครับ




ผมเรียนรู้จากท่านผ่านสไลด์นี้ดังนี้ครับ
  • เราทุกคนอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางวัตถุ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม  ทักษะการใช้เหตุผลจะทำให้เราทุกคนสามารถเข้าถึง "ความพอประมาณ" อันเป็นฐานสำคัญที่จะทำให้เกิดความสมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ 
  • เหตุผลคือสิ่งกำกับสำคัญ ที่ต้องฝึกคิดให้เป็นนิสัย ไม่ว่าจะพิจารณาถึง "ความพอประมาณ" หรือ "ภูมิคุ้มกัน" คือเอาเหตุผลกำกับ
  • เมื่อสิ่งใดๆ เข้ามาสู่ตน ให้คิดวิเคราะห์เหตุผลบนฐานของความรู้และคุณธรรม วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ ความเสี่ยง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ก่อนจะตัดสินใจทำหรือพูด 
  • หากตัดสินใจถูกต้อง ผลจากการพูดและกระทำจะนำมาสู่ภูมิคุ้มกันที่ดี ในทางปฏิบัติอาจมีหลายทางเลือกที่เป็นไปได้ในการตัดสินใจ  ให้เลือกทางเลือกที่จะทำให้เกิดผลที่กลายมาเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีในตน 
  • ต้องฝึกให้มีวิถีคิดแบบเหตุผลนี้ และมีการตรวจสอบ ประเมินตนอยู่เสมอ  
  • หากทำจนเกิดเป็นนิสิต จะนำมาสู่ความสุขและความยั่งยืน 
บันทึกต่อไป มาดูโมเดลของอาจารย์พีรวัศ กี่ศิริ ที่ท่านได้นำมาเสนอในการเสวนาครั้งนี้ด้วย